แนะนำหนังสือการตลาด 5 เล่ม ที่ควรอ่านในปี 2023

การตลาดเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ เพราะเป็นกระบวนการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจ ในโลกยุคปัจจุบันที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การตลาดก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจในศาสตร์การตลาดเป็นอย่างดี

หนังสือการตลาดเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเรียนรู้และเข้าใจการตลาดได้อย่างลึกซึ้ง และต่อจากนี้ คือ รายการหนังสือการตลาดที่ควรอ่านในปี 2023

1. Social Listening การตลาดแบบฉลาดฟังเสียงลูกค้า

เนื้อหาเน้นไปที่ Social Listening Tool เครื่องมือที่ผู้เขียนใช้ทำ Data Research เพื่อหา Insight และ Opportunity ให้กับลูกค้าทั้งแบรนด์เล็กและใหญ่ ทั้งธุรกิจ SME องค์กรมหาชน หรือแม้แต่หน่วยงานภาครัฐ หรือใครก็ตามที่ต้องการจะเข้าใจ Consumer Insight ที่แท้จริงว่าตกลงแล้วผู้คนคิดอย่างไร และเราควรตัดสินใจทำหรือไม่ทำอะไร การทำการตลาดจะเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่เราเข้าใจและเข้าถึง Insight ลูกค้า เพราะถ้าเรารู้ว่าลูกค้าชอบหรือไม่ชอบอะไรในแบรนด์เรา เราก็จะต่อยอดจากสิ่งที่ลูกค้าชอบได้ดีขึ้น ไปจนถึงปรับปรุงสิ่งที่ลูกค้าไม่ชอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เปลี่ยนใจไปหาคู่แข่ง

ทั้งหมดของการตลาดก็แค่นี้แหละ คือการเข้าใจลูกค้า เข้าใจคู่แข่ง เข้าใจตลาด และเข้าใจตัวเอง แต่กลับมีน้อยแบรนด์มากที่จะรู้เรื่องเหล่านี้ได้จริง เพราะปัญหาคือไม่รู้ว่าจะหาข้อมูลจากไหน ไม่รู้จะเข้าถึงข้อมูลอย่างไร ครั้นจะไปทำรีเสิร์ชแบบเดิมก็ต้องใช้เวลานาน มีต้นทุนสูงหลายแสนไปจนถึง หลายล้าน แถมยังได้ข้อมูลมาเป็นจำนวนที่น้อยมากๆ แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าวันนี้เราเข้าถึงผู้คนได้มากมายเป็นหมื่นเป็นแสนได้แค่ปลายนิ้วคลิก พร้อมกับราคาที่ไม่แพงมากเกินไป เริ่มต้นตั้งแต่ฟรี หรือหลักพันต่อเดือน หรือถ้าใช้เยอะๆ หน่อยก็ค่อยขยับไปที่หลักหมื่น แต่ทั้งหมดนี้คือคุณสามารถทำเองได้ด้วยตัวเองและลงมือทำได้ทันที

2. ขาย 100 คน ซื้อ 99 คน

ขาย 100 คน ซื้อ 99 คน หากหนึ่งในเป้าหมายหลักของการดำเนินธุรกิจคือการ ขายสินค้าหรือบริการ เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่องค์กรแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าฝ่ายขายก็คงเปรียบเหมือนกับกองกำลังที่สำคัญที่สุดของบริษัท พนักงานขายจึงมีหน้าที่สำคัญในการนำเสนอสินค้าและบริการ สร้างความพึงพอใจเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อและเลือกใช้สินค้าและบริการ และสามารถปิดยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ ด้วยเหตุนี้อาชีพในกลุ่มสายงานการขายจึงมักได้รับการจัดอันดับให้เป็นกลุ่มสายงานที่เป็นที่ต้องการของบริษัทมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากเป็นสายงานที่ตอบโจทย์ธุรกิจโดยตรง แถมในบางกลุ่มธุรกิจยังมีค่าตอบแทนและค่าส่วนแบ่งจากการขายให้พนักงานขายในอัตราส่วนสูง แต่ถึงอย่างนั้นอาชีพพนักงานขายก็จัดเป็นสายงานที่มีอัตราการเข้า-ออกงานสูงด้วยเช่นกัน

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวอาจมาจากตัวพนักงานขายเองที่คิดว่างานขายเป็นงานที่ต้องคอย ตามง้อ ลูกค้าตลอดเวลา หลายคนจึงเกิดความกลัวว่าจะถูกลูกค้าปฏิเสธ ขายไม่ได้ จนขาดความมั่นใจ เกิดเป็นอคติต่องาน ในขณะที่ตัวบริษัทเองก็เน้นการตั้งเป้าสร้างยอดขายเป็นสำคัญ แต่กลับละเลยประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ ทั้งยังขาดขั้นตอนและกระบวนการที่ สร้าง หล่อหลอม และสอนงานพนักงานขายอย่างเป็นระบบ จนพลอยทำให้นักขายหน้าใหม่ค่อยๆ พากันถอดใจไปตามๆ กัน หากคุณเป็นหนึ่งในพนักงานขายที่มีความมุ่งมั่น แต่กำลังประสบกับปัญหาดังกล่าว หนังสือ ขาย 100 คน ซื้อ 99 คน เล่มนี้จะเปรียบเหมือนคู่มือการทำงานที่สำคัญของคุณ เริ่มจากการปรับทัศนคติที่มีต่องานขาย ซึ่งไม่ใช่การตามตื้อลูกค้า แต่เป็นการนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับอีกฝ่ายพนักงานขายจึงเป็นผู้นำความสุขไปให้ลูกค้า รวมไปถึงการถ่ายทอดหลักจิตวิทยาและเทคนิคการขายอีกมากมาย

3. Contextual Marketing การตลาดแบบฉวยโอกาสรอบตัวมาเป็นยอดขาย

การตลาดแบบฉวยโอกาสรอบตัวมาเป็นยอดขายการตลาดแบบ Contextual Marketing คือการพร้อมใช้โอกาส จากบริบทรอบตัวของลูกค้าแบบ Real-time มาเพิ่มโอกาสในการขาย มันคือการย้อนกลับไปที่แก่นของการตลาด นั่นก็คือ การพยายามนำเสนอสิ่งที่ใช่กับลูกค้ามากที่สุด สื่อสารด้วยความเข้าใจลูกค้ามากที่สุดโดยยังคงรักษาความ Privacy ที่ผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการไว้ได้อย่างเต็มที่เพราะ Contextual Data เหล่านี้ไม่ต้องการรู้ว่าคนที่เราจะคุยด้วยเป็นใครเพียงแต่ต้องรู้ว่าคนที่เราจะคุยด้วยเขาอยู่ที่ไหน ตอนนั้นเป็นเวลาอะไรใช้อุปกรณ์แบบไหนในการสื่อสาร สภาพอากาศล่ะเป็นอย่างไร สภาพการจราจรรอบข้างเป็นแบบไหน แค่เราคิดภาพว่าถ้าเราอยุ่ตรงนั้นในเวลานั้น ณ ตอนนั้น เราจะอยากให้แบรนด์สื่อสารหรือทำการตลาดแบบใดกับเรากลับคืนมา

นี่แหละคือการตลาดแบบ Customer Centric หรือการเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง เพราะการตลาดแบบ Contextual Marketing คือการตลาดแบบใส่ใจลูกค้าจริงๆ แล้วใช้โอกาสจากบริบทรอบตัวมาเพิ่มยอดขายนั่นเอง

4. Digital Marketing Unlocked ปลดล็อกการตลาดดิจิทัล

ถ้าคุณเคยคิดว่าการตลาดดิจิทัล คือการยิงแอด และการตลาดดิจิทัล คือการเอาคอนเทนต์ที่ทำบนช่องทางออฟไลน์มาลงออนไลน์, การขายของออนไลน์ หรือคือการตลาดที่มาแทนที่การตลาดแบบดั้งเดิม หนังสือเล่มนี้จะปลดล็อกความคิดคุณ!

หนังสือเล่มนี้เหมาะกับทั้งผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการตลาดดิจิทัล เมื่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก ได้ความรู้และแรงใจที่จะเอาดีในสายงานด้านนี้ต่อไป และยังเหมาะกับผู้ที่เคยรู้เคยทำการตลาดดิจิทัลมาแล้ว หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณกระจ่างชัดกับสิ่งที่ทำอยู่มากขึ้น และยังเข้าใจได้ว่าสิ่งที่เคยได้รู้ได้อ่านได้ทำมานั้น คือตรงไหนของการตลาดดิจิทัลหนังสือ

5. มาเพิ่มเซนส์การตลาดกันเถอะ!

“มาเพิ่มเซนส์การตลาดกันเถอะ” เล่มนี้ได้รวม 5 วิธีที่ช่วยให้กลายเป็นคนที่รู้ว่า “จากนี้ไปอะไรที่ขายได้”

– เมื่อสิ่งที่คุณเคยรู้…ใช้ไม่ได้กับการตลาดยุคใหม่อีกต่อไป
– ใครคือคู่แข่งที่แท้จริงของธุรกิจสายการบิน
– ทำไมร้านค้าออนไลน์ที่ขายสินค้าแค่ 2-3 อย่างถึงขายดีกว่าร้านที่ขายทุกอย่าง
– เหตุผลที่หนุ่มหล่อหาคู่แต่งงานไม่ได้สักที
– ทำไมคนที่ไม่มีเซนส์การตลาดถึงไม่มีวันได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม

เมื่อเข้าสู่ยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แค่มีความรู้เรื่องการตลาดนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ยังต้องมี “เซนส์การตลาด” อีกด้วย หนังสือเล่มนี้จะฝึกให้คุณสามารถใช้สัญชาตญาณ ควบคู่ไปกับการคิดพิจารณาตามหลักเหตุผล เพื่อช่วยให้คุณมองเห็นได้ก่อนใครว่า “อะไรที่จะขายได้”

จบกันไปแล้วกับรายการหนังสือเกี่ยวกับการตลาดที่ควรอ่านในปี 2023 เล่มไหนที่เพื่อน ๆ มีกันแล้วบ้าง? หากใครยังไม่มี แนะนำให้รีบกดซื้อเลยค่า รับรองคุ้มค่าที่จะอ่านแน่นอน

Latest